ประวัติความเป็นมา พระสุนทรีวาณี

 


พระสุนทรีวาณีนี้ สมเด็จพระวันรัตน (แดง) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม รูปที่ ๓ และผู้สร้างวัดโพธินิมิตร ท่านดำริขึ้นจากคาถาบทหนึ่งในหนังสือคัมภีร์สัททาวิเศษ ฎีกาสัททสาร ๑ สุโพทาลังการ ๑ และท่านได้เล่าเรื่องเก่า ๆ ว่า อาจารย์ของท่านฝ่ายคันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ สอนให้บริกรรมคาถานี้ ก่อนที่จะเริ่มเรียน พระปริยัติ และเข้าที่ภาวนาทุกคราวไป พระเถระผู้ใหญ่ทั้งหลายมีสมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดราชสิทธาราม และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกษ เป็นต้น ล้วนนับถือคาถานี้อยู่ทั่วกัน จนกระทั่งอาราธนาธรรมก็ใช้คาถานี้ แลถ้าผู้ใดได้เจริญกระทำให้มากแล้ว มีอานิสงส์ให้ผู้ที่เจริญนั้นเป็นผู้ที่มีปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ มีดวงตาเห็นธรรม และมีสติไม่หลงลืม 

สมเด็จพระวันรัตน (แดง) ท่านพอใจในเนื้อความในคาถานี้มาก จึงได้ดำริทำขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะบูชาพระธรรมกาย โดยท่านให้หมื่นศิริสังกาศ เจ้ากรม (แดง) มาเขียนเป็นภาพ แล้วเข้ากรอบเป็นลับแลตั้งไว้บูชา เมื่อคราวสมเด็จพระวันรัตนท่านอาพาธ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยม ทรงทอดพระเนตรเห็นตรัสถามว่ารูปอะไร สมเด็จพระวันรัตนท่านทูลว่ารูปวาณี แต่มิได้ตรัสซักไซ้ประการใดต่อไป เห็นจะเป็นด้วยทรงเกรงใจว่าท่านกำลังอาพาธอยู่ 

เมื่อสมเด็จพระวันรัตนท่านถึงแก่มรณะภาพแล้ว กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจมายืมรูปเขียนพระสุนทรีวาณี ไปถ่ายทำแบบตีพิมพ์จำหน่าย เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงทอดพระเนตรเห็นแบบตีพิมพ์ คงจะระลึกได้ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมสมมตอมรพันธ์ไปสอบถาม และให้นำรูปต้นแบบมาถวายทอดพระเนตร เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นรูปสุนทรีวาณี ต้องพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเป็นอันมาก จนถึงทรงพระราชดำหริจะทำประกอบกับแผ่นศิลาจารึก ประดิษฐานไว้ที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โดยให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เขียนแบบ และทรงรำพึงว่า “ เธอเป็นผู้นั่งอยู่ในหัวใจฉันเสียแล้ว “ ดูประหนึ่งจะทรงพระราชดำหริให้เป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระวันรัตน (แดง) ด้วย ภาพสุนทรีวาณีนี้เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระราชวิจารณ์ เรื่องเทียบลัทธิพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานกับหินยานว่า “ฉันเข้าใจว่ารูปที่สมเด็จพระวันรัตนเขียนมาจากคัมภีร์ใดคัมภีร์หนึ่งนั้น จะเป็นมหายานแปลง เช่น สัมพุทเธ”

 

คำอธิบายรูปภาพพระสุนทรีวาณี

ภาพสุนทรีวาณี รูปนางมีเต้าถัญ แต่ทรงเครื่องอย่างบุรุษ หมายถึง พระธรรม คือ พระไตรปิฎก 

เพชรที่วางอยู่บนพระหัตถ์ซ้ายนั้น หมายความถึง พระนฤพานเลิศกว่าธรรมทั้งปวง 

พระหัตถ์ขวาที่ยกขึ้นนั้น หมายความถึง พระธรรมคุณ โดยเป็นเอปัสสิโก (คือ เรียกให้มาดู หรือ เรียกให้มาพิสูจน์ได้) 

ดอกบัวที่รองรับรูปเปรียบนั้น หมายความว่า พระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า 

รูปบุรุษเบื้องขวานั้น เปรียบเป็นพระภิกษุสงฆ์สาวก 

รูปสตรีเบื้องซ้ายนั้น เปรียบเป็นพระภิกษุณีสาวิกา 

เทวดาแถวล่างนั้นหมายถึงเทวโลก พรหมแถวบนนั้น หมายถึง พรหมโลก ต่างมาทำสักการะบูชา 

น่านน้ำภายใต้ภาพนั้น เปรียบเหมือน สังสารวัฏ 

นาคและน้ำนั้น เปรียบเป็น พุทธบริษัท

 


คาถาบูชาพระสุนทรีวาณี

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ 

คัพภะสัมภะวะ สุนทรี ปาณีนัง 

สะระณัง วาณี มัยหัง

 ปิณะยะตัง มะนัง 

 

คำแปล คาถาบูชาพระสุนทรีวาณี

วาณี นางฟ้า คือ พระไตรปิฎก 

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทรี มีรูปอันงาม 

เกิดแต่ห้องแห่งดอกบัว คือ โอษฐ์แห่งพระพุทธเจ้า 

ผู้เป็นจอมแห่งนักปราษญ์ทั้งหลาย ปาณีนัง สะระนัง 

เป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ที่มีปราณทั้งหลายให้ยินดี